การทำตลาดออนไลน์กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท การเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคและการปรับกลยุทธ์การโฆษณาให้เหมาะสมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่ม Conversion Rate และช่วยให้การตลาดออนไลน์ได้ผลดีขึ้นคือ Retargeting Ads หรือการโฆษณาซ้ำให้กับผู้ที่เคยแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ
มาทำความรู้จักกับ Retargeting Ads ว่าคืออะไร วิธีการใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเหตุผลที่ทำไมมันถึงช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้
Retargeting Ads คือ การแสดงโฆษณาให้กับผู้ใช้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือมีการโต้ตอบกับแบรนด์ของคุณในช่องทางอื่นๆ เช่น Facebook หรือ Instagram แต่ยังไม่ได้ทำการซื้อหรือดำเนินการตามที่คุณต้องการ เช่น การลงทะเบียนหรือการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ
ด้วยการใช้ Cookies หรือข้อมูลการติดตามจากผู้ใช้ที่มีการเข้าชมเว็บไซต์ คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้ในการแสดงโฆษณาซ้ำให้กับพวกเขา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการอีกครั้ง
ทำไม Retargeting Ads ถึงสำคัญ?
- เพิ่มโอกาสในการแปลง (Conversion) ผู้ใช้ที่เคยเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณและแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการมาก่อนแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำการซื้อหรือดำเนินการตามที่คุณต้องการมีความน่าจะเป็นที่จะกลับมาซื้อสูงขึ้นเมื่อได้รับโฆษณาซ้ำ การแสดงโฆษณาอีกครั้งจะช่วยเตือนให้พวกเขานึกถึงสินค้าหรือบริการนั้นๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแปลงในที่สุด
- เสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ การเห็นโฆษณาของแบรนด์ซ้ำๆ จะช่วยเสริมสร้างการรับรู้และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ เมื่อผู้ใช้เห็นสินค้าหรือบริการของคุณบ่อยขึ้น จะทำให้พวกเขาจำแบรนด์ของคุณได้ดีขึ้น และอาจทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อในที่สุด
- ลดค่าใช้จ่ายในการได้ลูกค้าใหม่ การหาลูกค้าใหม่อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง การโฆษณาซ้ำผ่าน Retargeting Ads สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ได้ เนื่องจากคุณกำลังมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่เคยแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณอยู่แล้ว ซึ่งมีความน่าจะเป็นที่จะทำการซื้อสูงกว่าผู้ที่ไม่เคยแสดงความสนใจเลย
วิธีการใช้ Retargeting Ads ให้มีประสิทธิภาพ
- ติดตั้ง Pixel หรือ Cookies ในเว็บไซต์ การใช้ Retargeting Ads เริ่มต้นจากการติดตั้ง Facebook Pixel หรือ Google Tag Manager บนเว็บไซต์ของคุณเพื่อเก็บข้อมูลการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้เยี่ยมชมเว็บไซต์หรือคลิกสินค้าบางรายการ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook หรือ Google Ads เพื่อแสดงโฆษณาซ้ำให้กับผู้ที่ได้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
- กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน หลังจากที่ติดตั้ง Pixel แล้ว คุณสามารถตั้งค่าการแสดงโฆษณาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันไป เช่น ผู้ที่เข้าชมหน้าเพจสินค้าบางตัว แต่ไม่ได้ทำการซื้อ หรือผู้ที่เพิ่มสินค้าลงในตะกร้าแต่ไม่ได้ทำการชำระเงิน
- ใช้ข้อความและภาพที่ดึงดูด การสร้างข้อความโฆษณาที่ชัดเจนและดึงดูดความสนใจเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อคุณทำ Retargeting Ads ควรใช้ข้อความที่กระตุ้นการตัดสินใจ เช่น “สินค้านี้กำลังจะหมด!” หรือ “กลับมาซื้อสินค้านี้พร้อมรับส่วนลดพิเศษ” การใช้ข้อความที่มีการกระตุ้นการกระทำ (Call to Action) จะช่วยให้ผู้ใช้เกิดความสนใจและทำการแปลง
- ใช้ภาพที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เคยดู การแสดงโฆษณาด้วยภาพของสินค้าที่ผู้ใช้เคยสนใจหรือดูในเว็บไซต์จะช่วยทำให้การโฆษณาดูมีความเกี่ยวข้องและตรงกับความต้องการของลูกค้า เมื่อพวกเขาเห็นสินค้าเหล่านั้นอีกครั้ง อาจทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้
- การตั้งเวลาแสดงโฆษณา (Ad Frequency) อย่าแสดงโฆษณาให้กับผู้ใช้ซ้ำเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความรำคาญ การตั้งเวลาแสดงโฆษณาที่เหมาะสมและควบคุมความถี่ในการแสดงโฆษณาจะช่วยให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือเบื่อหน่าย
การวัดผลและปรับปรุงแคมเปญ Retargeting Ads
การติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญ Retargeting Ads เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณรู้ว่าแคมเปญนั้นๆ ประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยคุณสามารถใช้เครื่องมือการวิเคราะห์เช่น Google Analytics หรือ Facebook Ads Manager เพื่อดูข้อมูลต่างๆ เช่น อัตราการคลิก (CTR), อัตราการแปลง (Conversion Rate), และ ROI (Return on Investment)
การใช้ Retargeting Ads เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่ม Conversion Rate โดยการโฆษณาซ้ำให้กับผู้ใช้ที่เคยแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ การใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การติดตั้ง Pixel, การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม, การใช้ข้อความที่ดึงดูด, และการตั้งเวลาการแสดงโฆษณาที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำ Retargeting Ads ของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถช่วยเพิ่มการแปลงลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อ